iPhone 14 vs Huawei Mate 50 ควรซื้อรุ่นไหนดี?

โดย Anna Sherry   อัพเดทเมื่อ 2024-06-28 / เกี่ยวกับ  iPhone 14

Apple เพิ่งเปิดตัว Iphone 14 รุ่นล่าสุดออกมาในงานอีเว้นท์ "Far Out” ซึ่งหนึ่งวันก่อนหน้าที่จะมีการเปิดตัว iPhone 14 Huawei ได้ประกาศเปิดตัวมือถือรุ่นเรือธงใหม่ล่าสุดซึ่งก็คือ Huawei Mate 50

โทรศัพท์ทั้งสองรุ่นนี้มีความต่างกันอย่างไร? ควรเลือกซื้อเครื่องไหนดีกว่ากัน? ควรซื้อสมาร์ทโฟน Huawei แม้ว่าจะถูกแบนจาก Google หรือไม่?

มาดูกันเลยครับ!

มาเปรียบเทียบโทรศัพท์ทั้งสองรุ่นกันเลย:

huawei mate 50 vs iPhone 14

1. อันดับแรกคือระบบปฏิบัติการ (OS)

iOS vs Harmony

หลาย ๆ คนเลือกซื้อโทรศัพท์จากระบบปฏิบัติการ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้องครับ

iPhone 14 และ Huawei Mate 50 ใช้ระบบปฏิบัติการที่ต่างกัน โดย iPhone ใช้ iOS ส่วน Huawei ใช้ HarmonyOS

หากคุณมีระบบปฏิบัติการในใจอยู่แล้ว เช่น คุณชอบ iOS และไม่ต้องการใช้ระบบปฏิบัติการอื่น ก็ควรเลือกซื้อ iPhone 14

แต่หากคุณไม่ได้อยากใช้ Apple และอยากลองใช้ระบบปฏิบัติการอื่น ๆ ควรเลือก Mate 50 หรือ Mate 50 Pro

2. ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนซึ่งก็คือ Google Services

Google services

Huawei ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์จึงใช้บริการของ Google ที่ชื่อว่า GMS ยกตัวอย่างแอปของ GMS ก็คือ Google Play Store ทำให้คุณสามารถใช้บริการ Google ได้จากอุปกรณ์แอนดรอยด์

แต่ Huawei ถูกแบนจาก Google จึงไม่สามารถใช้บริการของ Google ได้ ตอนนี้ Huawei จึงไม่มีระบบ GMS

หากคุณต้องการสมาร์ทโฟนที่สามารถดาวน์โหลดแอปจาก Store ได้อย่างสะดวก ก็ไม่ควรเลือก Huawei ครับ

3. การออกแบบ

Huawei Mate 50 vs iPhone 14 Design

Huawei Mate 50 มีดีไซน์แบบแอนดรอยด์ โดยมีหน้าจอที่โล่งและมีรูกล้องรูเดียว ส่วน Huawei Mate 50 Pro จะมีรอยบาก

ส่วน iPhone 14 ที่ไม่ใช่รุ่น Pro และรุ่น 14 Plus หน้าจอจะมีรอยบากเช่นกัน iPhone 14 Pro และ Pro Max จะมาในหน้าจอรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า "Dynamic island"

Dynamic island คือรูปทรงรีที่จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปทรงและขนาดไปตามแอปและบริการที่คุณกำลังใช้งาน

iPhone 14 ทุกรุ่นจะมีหน้าจอแบนเรียบ ส่วน Mate 50 จะมีหน้าจอทรงโค้ง

4. กล้อง

Huawei Mate 50 และ Mate 50 Pro มาพร้อมกับกล้องสามตัว เซ็นเซอร์หลักของโทรศัพท์ทั้งสองรุ่นมีความละเอียด 50MP ส่วนเลนส์ตัวที่สองของรุ่น Pro มีความละเอียด 64MP ส่วนรุ่นที่ไม่ใช่ Pro Mate 50 มีความละเอียด 12MP

นั่นหมายความว่า Mate 50 Pro จะซูมได้ดีกวว่า

นอกจากนี้ iPhone 14 ยังมาพร้อมกับกล้องรุ่นใหม่

รุ่น 14 และ 14 Plus จะมีเซ็นเซอร์ที่ใหญ่กว่า แต่มีจำนวนเมกะพิกเซลเท่าเดิมนั่นก็คือ 12MP

ในทางกลับกัน iPhone รุ่น Pro จะมาพร้อมกับระบบกล้องใหม่ 48MP ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ iPhone 6s ที่ Apple ได้ปรับจำนวนเมกะพิกเซลใหม่ ดังนั้นคุณภาพของกล้องจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแน่นอนครับ

นอกจากนี้ iPhone รุ่นใหม่ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์กล้องใหม่ ๆ เช่น 4K Cinematic Mode และ Action Mode stabilization

5. ชิปเซ็ต

Huawei Mate 50 จะมาพร้อมกับชิปเซ็ตใหม่ล่าสุดและดีที่สุดจาก Qualcomm ซึ่งก็คือ Snapdragon 8+ Gen 1

iPhone 14 และ iPhone 14 Plus จะมาพร้อมกับ A15 Bionic ที่มี GPU 5-core แบบเดียวกับใน iPhone 13 Pro

iPhone 14 Pro และ Pro Max จะมาพร้อมกับชิป A16 Bionic ที่มีความทรงพลังยิ่งกว่าเดิม

แม้ว่าชิป 8+ Gen 1 จะเป็นชิปที่ทรงพลังและไม่มีปัญหาในการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ชิป A Bionic นั้นมีความทรงพลังยิ่งกว่า ดังนั้นโทรศัพท์ iPhone 14 จะใช้งานได้ลื่นกว่าและเล่นเกมหนัก ๆ ได้ดีกว่า นอกจากนี้ชิปที่ทรงพลังกว่ายังใช้งานระยะยาวได้ดีกว่าอีกด้วย

6. จอแสดงผล

Huawei Mate 50 และ Mate 50 Pro มีหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว หากคุณชอบโทรศัพท์ขนาดกะทัดรัดก็อาจจะต้องผิดหวังนะครับ

แต่ iPhone 14 ก็มีรุ่นที่มีขนาดเล็กลงมาครับ

แม้ว่า iPhone 14 Plus และ Pro Max จะมีจอแสดงผลขนาด 6.7 นิ้ว แต่ iPhone 14 รุ่นธรรมดาและ 14 Pro จะมีจอแสดงผล 6.1 นิ้วครับ

7. ฟีเจอร์อื่น ๆ

จุดเด่นของ Huawei Mate 50 Pro คือมีพื้นที่เก็บข้อมูลเริ่มต้นที่ 256GB ซึ่งหมายความว่าแม้ว่าคุณจะซื้อรุ่นธรรมดา คุณจะมีพื้นที่จัดเก็บมากกว่า iPhone 14 รุ่นต่าง ๆ ถึงสองเท่า

ส่วน iPhone 14 series มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่เหมือนใคร เช่น ฟีเจอร์ "การเชื่อมต่อดาวเทียม" และ "การตรวจจับการชน" ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากครับ

สิ่งที่ต้องพิจารณาอีกอย่างหนึ่งก็คืออัตราการรีเฟรชของจอภาพที่สูงครับ

  • Huawei Mate 50 Pro และ iPhone 14 Pros มีจอแสดงผล 120Hz ส่วน Mate 50 มีจอแสดงผล 90Hz แต่ถ้าคุณเลือก iPhone 14 รุ่นธรรมดาหรือ 14 Plus หน้าจอจะอยู่ที่ 60Hz เท่านั้นครับ
  • Huawei Mate 50 ใช้ตัวสแกนลายนิ้วมือเป็นการยืนยันตัวตน ส่วน Mate 50 Pro ก็มีเหมือนกันครับ และมีฟีเจอร์การจดจำใบหน้าด้วย

ส่วน iPhone 14 มี Face ID ที่มีประสิทธิภาพมากอยู่แล้วครับ

8. ราคา

ยังไม่มีการประกาศราคาของ Huawei Mate 50 ที่วางจำหน่ายนอกประเทศจีนครับแต่คาดกันว่าราคาจะประมาณนี้

  • Huawei Mate 50 — เริ่มต้นที่ $700
  • Huawei Mate 50 Pro — เริ่มต้นที่ $999

ส่วนราคา iPhone 14 คือ

  • iPhone 14 — เริ่มต้นที่ $799
  • iPhone 14 Pro — เริ่มต้นที่ $999

เคล็ดลับพิเศษ: ซ่อม iPhone & iOS ได้ภายในคลิกเดียว

รุ่นใหม่ หรือยังใช้เครื่องเก่าอยู่แต่เครื่องมือปัญหาเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ เรามีข่าวดีมาฝากครับ! Tenorshare ReiBoot จะมาช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับบั๊กของ iOS และปัญหาอื่น ๆ (หน้าจอค้างที่โลโก้ Apple, iPhone ขึ้นว่า error 4013, iPhone ค้าง, ฯลฯ)

สิ่งที่เจ๋งที่สุดก็คือมันใช้ง่ายมาก ๆ ครับ แถมยังมีฟีเจอร์ฟรีที่ผู้ใช้สามารถเข้า/ออกจาก Recover mode ได้เพียงคลิกเดียว

มาดูวิธีการใช้งานกันครับ

  • ดาวน์โหลดและติดตั้ง ReiBoot ลงในคอมพิวเตอร์ เชื่อมต่อ iPhone กับคอมพิวเตอร์แล้วเปิด ReiBoot

    repair ios problems
  • กดปุ่ม Start > Fix Now > Standard Repair

    repair ios problems
  • กดปุ่มดาวน์โหลดเพื่อดาวน์โหลดเฟิร์มแวร์ล่าสุดที่เข้ากับ iPhone ของคุณ

    repair ios problems
  • เมื่อดาวน์โหลดเสร็จสิ้นให้เริ่ม Standard Repair รอสักครู่จนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น

    repair ios problems
  • เสร็จแล้วครับ! iPhone ของคุณจะรีสตาร์ทโดยอัตโนมัติ แล้วไม่ต้องเครียดนะครับ ข้อมูลไม่เครื่องไม่หายแน่นอน

    repair ios problems

สรุป

หากคุณไม่จำเป็นต้องใช้แอป Google ในสมาร์ทโฟน ควรเลือก Huawei Mate 50 แต่คนส่วนมากไม่ชอบอะไรที่ยุ่งยากครับ เพราะฉะนั้นเลือกซื้อ iPhone 14 ดีกว่า

หากคุณไม่ชอบ iOS และอยากใช้แอนดรอยด์ ก็อาจจะเลือกตัวเลือกอื่น ๆ เช่น Samsung S22 และ Google Pixel 6 ครับ

  อัปเดตเมื่อ 2024-06-28 / อัพเดทสำหรับ  iPhone 14

(คลิกให้คะแนนโพสต์นี้)

(0 votes, average: 5.0 out of 5 )

เข้าร่วมการสนทนาและแบ่งปันเสียงของคุณที่นี่